สวนพุทธธรรม ปัญญจิตตธัมโม
Personal menu
Search

ธาตุสี่ ขันธ์ห้า

หลวงปู่ก้าน จิตฺตธมฺโม
วัดถ้ำเป็ด อ.ส่องดาว จ.สกลนคร
พิธีอาจาริยบูชา คณะศิษย์เชียงใหม่ วันที่ ๒ ก.ค. ๒๕๖๕

 

ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ มันยากอยู่ทุกวัน ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ นี่ ไปโรงพยาบาลมีทุกโรงพยาบาล ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ โรคภัยไข้เจ็บก็อยู่ในธาตุ ๔ กับขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ เป็นภาระอันหนัก ไม่หนักยังไง เดี๋ยวอาบน้ำ เดี๋ยวก็กินข้าว เดี๋ยวก็ถ่ายหนักถ่ายเบา เดี๋ยวก็เดินไปนู่นเดินไปนี่ อันนี้ขันธ์ ๕ นี่ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ ภาษาอีสานเรียกว่า “ทุกข์ในขันธ์ ๕ รวมลงอยู่ในธาตุ ๔ ทุกข์อยู่ในโลกนี้ หม่องหนี่บ่อนเดียว” มันรวมอยู่ที่จิตที่ใจที่เดียว มันมาเขย่าใจเรานั่นแหละ ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕

ภาวนาก็ภาวนาลงธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ นี่แหละ ให้มันหายสงสัย ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ เรียกว่า รูปธรรม ธาตุทั้ง ๔ คือรูปธรรม คือกาย เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มันเกิดดับอยู่ที่จิต นี่ตัวนี้เป็นจิต เป็นอาการของจิตไปรับรู้

นามธรรม นามธรรมคือจิต ธาตุ ๔ คือรูป คือกาย เอาจิตดูรูปธรรมสิ ให้มันลงสู่ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ของเขา ดินก็ลงสู่ดิน ลมก็ลงสู่ลม ไฟก็ลงสู่ไฟ น้ำก็ลงสู่น้ำ นี่แหละ

นามธรรมก็เหมือนกัน มันเกิดดับอยู่ที่จิต จิตเวทนา สุข ทุกข์ เฉยๆ สัญญา ความจำ จำได้หมายรู้ สังขาร ปรุงแต่ง มันปรุงแต่งอยู่ที่จิตนั่นแหละ ปรุงแต่งทางดี ทางไม่ดี วิญญาณ อยู่ในตระกูลวิญญาณ อายตนะภายในกับอายตนะภายนอกกระทบกัน ตาเห็นรูป เกิดรักเกิดชังเกิดหลง หูฟังเสียง เกิดรักเกิดชังเกิดหลง จมูกสูดกลิ่น เกิดรักเกิดชังเกิดหลง ลิ้นลิ้มรส เกิดรักเกิดชังเกิดหลง โลภะ โทสะ โมหะ นั่นแหละ ไม่ใช่อื่น จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ กายถูกโผฏฐัพพะ เย็นร้อน อ่อนแข็ง

วิญญาณ คือรับรู้อารมณ์ อิฏฐารมณ์ อนิฏฐารมณ์ อารมณ์ที่ถูกใจ อารมณ์ที่ไม่ถูกใจ มันมาเขย่าเราอยู่อย่างนี้ ถ้าใครรักษาตาไม่เป็นมันก็ไม่ได้ ให้รู้เท่าทันตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อกระทบรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ให้มีสติรู้เท่าทัน ใครมีสติรู้เท่าทัน ก็ยับยั้งมันได้ มันไม่ค่อยเกิดได้ เพราะมีสติ สติคือความระลึกรู้เห็น ถ้ามีสติ มีสัมปชัญญะความรู้ตัวด้วย ระลึกรู้แล้วก็รู้ตัวด้วย ถ้ามีสติ มีสัมปชัญญะ ตามอารมณ์ทัน อารมณ์ที่ขุ่นมัวก็ไม่มาเขย่าใจเรา ถ้าเราตามไม่ทันมันมาเขย่าเรา สะบักสะบอมเลย

ให้ดูรูปกับนามนี่แหละ คือกายกับใจ เท่านั้นแหละ ถ้ามันดูละเอียดลึกซึ้ง ลงสู่ธาตุเดิมของเขาแหละ ถึงจะหายสงสัย ดินก็ลงสู่ดิน น้ำก็ลงสู่น้ำ ไฟก็ลงสู่ไฟ ลมก็ลงสู่ลม เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ นี่แหละ มันมีอยู่ประจำอย่างนี้แหละ ท่านถึงว่า ทุกข์พึงกำหนดรู้ ให้รู้เท่าทันทุกข์ แต่ไม่ได้ให้ละ มันละยาก เพราะมันมีขันธ์อยู่ เว้นไว้แต่จะทิ้งขันธ์ซะ ขันธ์ไม่มีแล้ว เดดสะมอเร่ รู้จักเปล่า เดดสะมอเร่คือตายนั่นแหละ ไม่รับรู้อารมณ์อะไรเลย มันไม่มีเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่มี ขันธ์ ๕ ถ้าขันธ์ ๕ แตกดับแล้ว มันหมดแล้ว ถ้ายังมีพร้อมขันธ์อยู่ทุกคนเลย มันเขย่าให้เราสะบักสะบอมเลย บางคนเข้าโรงพยาบาล ไปสะบักสะบอมอยู่โรงพยาบาล บางคนก็ได้กลับบ้าน บางคนก็เข้าวัด ใครไม่รู้แหละ เป็นงั้นแหละ

ตัวธาตุขันธ์ ๕ นี้แหละ ปัจจัยทุกอย่างในโลกนี้ เราหามาเพื่อธาตุเพื่อขันธ์นี้แหละ เพื่อธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ นี่เอง ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ ของตัวเอง ของบุตรภรรยา สามี พ่อแม่ เป็นงั้น ปัจจัย ๔ เราต้องหานะ ไม่ใช่ไม่หา ไม่ขยันก็ไม่ได้ ยังต้องกินได้อยู่ ใช้ได้อยู่ มีเรี่ยวแรงพอทำได้ก็หาเอา ถ้าใครหาได้มาก สบาย ถ้าใครหาหยิบหน้า หยิบหลังขัดหน้า หยิบหน้าขัดหลัง มันแย่ตัวนี้ ถ้ามีตัวนี้สบาย สบายขณะที่มีชีวิตนี่แหละ พอหมดลมแล้ว ทิ้งไว้กับโลก มาก็มาตัวเปล่า ไปก็ไปตัวเปล่าเหมือนเจ้ามา จริง เป็นสัจธรรมของจริงเลยตัวนี้ ไม่มีใครเอาไปด้วย มีแต่บุญกับบาป ดีกับชั่ว สองอย่างนี้ไปกับดวงวิญญาณของเรา เพราะฉะนั้น ท่านถึงให้ทำความดีให้เยอะๆ จะได้พึ่งความดี มีเพื่อนที่ดี ถ้าทำความไม่ดี เป็นเพื่อนไม่ดี ไม่มีใครต้องการเพื่อนไม่ดี ต้องการแต่เพื่อนที่ดีๆ ต้องทำดี