อนิจจัง ไม่เที่ยง เมืองกายนครนี้นั้น ทุกขัง ก็เป็นทุกข์ลำบากกายใจ อนัตตา ก็ไม่ใช่เขาไม่ใช่เราแน่นอน นั่นแหละพระโยคาวจรเจ้าทั้งหลายท่านมาเห็นโลกภายนอกภายในอย่างนี้
อันนี้เป็นการเจริญวิปัสสนาขั้นเหตุ ค้นคว้าในขันธ์ ๕ ในโลกทั้งสามให้มันแจ้งชัดอย่างนี้ น้อมลงสู่ไตรลักษณ์เสมอ มันจึงจะเบื่อหน่ายคลายความยึดว่า “ธาตุขันธ์เป็นเรา” “เราเป็นธาตุขันธ์” “ธาตุขันธ์มีเรา” “เรามีธาตุขันธ์” ไม่ใช่หรอก ให้เห็นเพียงแต่ว่าเป็นสัมภาระปัจจัยเครื่องอาศัยชั่วคราว และเป็นสมบัติมาหาได้ใหม่
นั่นแหละธาตุ ๔ ดินน้ำลมไฟนี้มาหาได้ใหม่ทั้งนั้น และเป็นสมบัติของโลกยืมโลกมาใช้สอยชั่วคราว ไม่นานหนอก็ส่งคืนให้แก่โลกเท่านั้น เพราะมันแก่เจ็บตาย
ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่จันทา ถาวโร (๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๕ - ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕) วัดป่าเขาน้อย อำเภอวังทรายพูน จังหวัดพิจิตร นามเดิม จันทา ชัยนิด ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นพระเถราจารย์ในสายพระธุดงคกรรมฐานของท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทตฺโต ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ขาว อานาลโย วัดถ้ำกลองเพล จังหวัดหนองบัวลำภู และเป็นผู้เลิศในด้านความกตัญญูและธุดงควัตร บากบั่นดำเนินตามรอยครูบาอาจารย์ เป็นแบบอย่างอันดีแก่ศิษยานุศิษย์มาโดยตลอด
สมัยวัยเด็กท่านมีชีวิตที่ทุกข์ยากลำบาก ต้องกำพร้ามารดาตั้งแต่อายุ ๗ ปี และไม่ได้เข้าเรียนอะไร ต้องทำนาและเป็นนายพรานจนถึงอายุ ๒๕ ปี ได้แต่งงานมีภรรยาเป็นแม่หม้ายลูกติด ถูกเขาย่ำยีเกียรติจึงได้แยกทางกันไป ต่อมาในปี ๒๔๙๐ ท่านได้อุปสมบทที่วัดฝ่ายมหานิกายด้วยความตั้งใจจะบำเพ็ญบุญอุทิศให้กับมารดาที่ล่วงลับ เมื่อบวชแล้ว ก็มุ่งมั่นภาวนา ถือเนสัชชิกไม่นอนตลอดพรรษา อดอาหารอยู่เป็นนิจ อุทิศส่วนบุญให้มารดาอยู่ตลอด
ในปี ๒๔๙๓ ท่านได้ญัตติเป็นพระภิกษุฝ่ายธรรมยุต และอยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่ทับ เขมโก ที่วัดป่าแพงศรี อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ พรรษานี้ท่านได้ทำความเพียรอย่างอุกฤษฏ์จนจิตรวมลงสู่ความสงบ พอออกพรรษาปีนั้นก็ออกติดตามพระอาจารย์จันทร์เที่ยววิเวกไปทางจังหวัดเพชรบูรณ์ และมาจำพรรษาที่วัดบ้านตะเบาะ ในอำเภอเมือง มีช่วงหนึ่งท่านเป็นไข้มาลาเรียขึ้นสมองอย่างหนัก ถึงกับดวงจิตออกจากร่าง ท่านได้อธิษฐานถึงบุญกุศลที่ได้สะสมมาในอดีตถึงสามารถกลับเข้าร่างได้ ในพรรษาที่ ๓ ขณะบำเพ็ญภาวนาอยู่ที่วัดป่าวิเวกการาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี จิตท่านรวมลงสู่อัปปนาสมาธิ จิตมีความละเอียดมาก ขณะนั้นยังไม่รู้วิธีถอนมาใช้ในทางปัญญา จากนั้นท่านก็จาริกธุดงค์ไปในหลายพื้นที่รอบๆ จังหวัดสกลนครและอุดรธานี และได้ประสบการณ์เผชิญกับสัตว์ป่าและสิ่งลี้ลับมากมาย
หลวงปู่จันทา มีโอกาสได้ศึกษาข้อธรรมจากครูบาอาจารย์ฝ่ายกรรมฐานที่สำคัญหลายรูป ได้แก่ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ วัดป่าหนองแซง หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร และหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร วัดถ้ำผาบิ้ง ในสมัยปฏิบัติภาวนาอยู่กับหลวงปู่ขาว ได้ฝึกหัดการใช้สติปัญญาพิจารณาในความเกิด แก่ เจ็บ ตาย จนเห็นสังขารทั้งปวงตกอยู่ในไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในช่วงนั้นจิตใจท่านมีความมั่นคงในการเจริญวิปัสสนาธรรมเป็นอย่างมาก ยืน-เดิน-นั่งภาวนาตลอดไตรมาส เป็นเวลา ๕ ปี วันหนึ่งขณะท่านพิจารณากายแยกออกเป็นส่วนประกอบอยู่ จิตท่านรวมใหญ่จนเหลือแต่สติกับผู้รู้ เมื่อเห็นความอัศจรรย์แห่งธรรม ท่านก็สิ้นจากความสงสัยในไตรวัฏโลกธาตุ ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา จึงตั้งอธิษฐานถวายชีวิตพรหมจรรย์ตั้งแต่นั้นมา
ในปี ๒๕๒๖ หลวงปู่จันทามาอยู่ปฏิบัติธรรมที่วัดป่าเขาน้อย จังหวัดพิจิตร และช่วยทำนุบำรุงปฏิสังขรณ์อารามแห่งนี้จนเป็นสำนักวิปัสสนากรรมฐานที่มีชื่อเสียง จนเต็มไปด้วยพุทธศาสนิกชนและพระเณรที่มารับการอบรมสั่งสอนธรรมจากท่าน ในปี ๒๕๔๙ ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าเขาน้อย และได้บำเพ็ญประโยชน์ต่อพระศาสนาเรื่อยมาจนกระทั่งมรณภาพในปี ๒๕๕๕