จิตนี้ขันธ์ห้ามันหุ้มอยู่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ตัววิญญาณมันหุ้มจิตอยู่นะ มันก็หุ้มออกมา
สัญญามันก็หุ้มจิตอยู่นั่นแหละ สัญญามันรู้รอบทิศ เรามีหูมีตารอบทิศนะ รูป เสียง กลิ่น รส ก็รู้ทิศอยู่ เนี่ยเข้าใจนะ ความจำก็ออกมา
เวทนา สุข ทุกข์ มันก็รอบจิตเราอยู่ คือขันธ์ห้านี่แหละ
เข้าใจนะแต่ว่าวิญญาณนี่ มาทางนี้มันมีความรู้สึกรอบขันธ์ห้าอยู่ ทีนี้
ถ้าเราจะรับทาน มันก็อยู่ที่จิต ถ้าเราจะรับศีล มันก็อยู่ที่จิต
จิตอันเดียวนะ พุทโธ ๆๆ รู้จิตเรานะ ให้ศึกษาจิต
ประวัติและปฏิปทา
พระครูภาวนาภิรัต หรือ หลวงปู่สังข์ สงฺกิจฺโจ (๒๔ กันยายน ๒๔๗๓ - ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕) วัดป่าอาจารย์ตื้อ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ นามเดิม สังข์ คะลีล้วน ชาวจังหวัดนครพนม เป็นพระมหาเถระผู้เป็นเสาหลักแห่งวงศ์พระธุดงคกรรมฐานในภาคเหนือ ท่านเป็นผู้มีปฏิปทาเป็นเลิศ มีศีลาจารวัตรงดงาม ได้เที่ยวธุดงค์ไปแทบทุกภาคของประเทศไทย และถึงแล้วด้วยวิมุตติธรรม ท่านเป็นทั้งญาติทางสายเลือดและทายาททางธรรมของหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
ท่านมีจิตใจฝักใฝ่โน้มเอียงมาในทางธรรมตั้งแต่ยังเด็ก ท่านจะกลัวความมืดและร้องไห้หาความสว่างจากไฟอยู่เสมอ ซึ่งมาทราบในภายหลังว่า ท่านกลัวในการเกิด ความมืดเปรียบเหมือนอวิชชา ความไม่รู้แจ้งในอริยสัจ อันเป็นเหตุให้ท่านต้องกลับมาเกิดในชาติสุดท้ายนี้นั่นเอง นอกจากนี้ช่วงชีวิตฆราวาสของท่านยังมีแต่ความลำบาก ต้องพึ่งพาตนเองอยู่เสมอ เมื่ออายุ ๑๘ ปี ท่านจึงได้ตัดสินใจบรรพชา ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม จังหวัดนครพนม โดยมีพระเทพสิทธาจารย์ (จันทร์ เขมิโย) เป็นพระอุปัชฌาย์ จากนั้นก็กลับมาจำพรรษาที่วัดอรัญญวิเวก ที่บ้านเกิด ในช่วงนั้นได้มีโอกาสไปกราบและฟังธรรมจากหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ที่วัดป่าบ้านหนองผือ จังหวัดสกลนคร โดยมีสาระสำคัญคือท่านสอนให้มีความมั่นคงในศีลของเณร รู้จักคุณของเนกขัมมะ และแสวงหาปัญญาอันเป็นเครื่องมือประหารกิเลสเพื่อเข้าสู่ความพ้นทุกข์
เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี จึงได้อุปสมบทที่วัดป่าบ้านสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม โดยมีพระอาจารย์เกิ่ง อธิมุตฺตโก เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับฉายาว่า “สังกิจโจ แปลว่า ผู้มีกิจธุระอันพึงทำดีแล้ว” ครั้นบวชแล้วท่านก็ถือนิสัย อุปัฏฐากพระอุปัชฌาย์ด้วยความวิริยะอุตสาหะเป็นเวลา ๕ ปี ในระหว่างนั้นท่านได้สอบนักธรรมเอก เป็นครูสอนนักธรรม และฝึกเป็นพระคู่สวดด้วย ในงานประชุมเพลิงหลวงปู่มั่น ท่านก็มีโอกาสไปร่วม ได้เห็นงานบุญใหญ่ที่บริสุทธิ์จนเกิดความศรัทธาเลื่อมใสที่จะบวชตลอดชีวิต ปี ๒๔๙๙ ท่านเดินทางขึ้นไปจังหวัดเชียงใหม่เพื่อไปศึกษาอยู่กับหลวงปู่ตื้อที่วัดป่าดาราภิรมย์ ที่มีศักดิ์เป็นหลวงลุงของท่าน ในช่วงนั้นหลวงปู่สังข์ได้รับการอบรมอย่างเข้มข้น หลวงปู่ตื้อสั่งสอนศิษย์เหมือนกับช่างตีเหล็ก พูดสอนตรงๆ ไม่เกรงใจใคร ก็เพื่อให้ศิษย์ได้มีจิตใจที่อาจหาญ เด็ดเดี่ยว และมั่นคงในข้อวัตรปฏิบัติและการบำเพ็ญภาวนา
ในการออกวิเวกทางภาคเหนือนี้ บางช่วงท่านก็จาริกไปแถบจังหวัดเชียงราย โดยมีพระอาจารย์ไท ฐานุตฺตโม เป็นเพื่อนร่วมธุดงค์ หลังจากออกพรรษา บางปีท่านก็มาจำพรรษาที่วัดอรัญญวาสี อำเภอท่าบ่อ และวัดโคมคำ อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย บางปีท่านก็ไปจำพรรษาที่ประเทศลาว บางปีท่านธุดงค์อยู่ในภาคอีสาน บางครั้งท่านก็จาริกวิเวกไปในภาคอื่นๆ ของประเทศ อาทิ เพชรบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม สมุทรสาคร ลำปาง
หลวงปู่สังข์ได้พบหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ เป็นครั้งแรกที่วัดป่าห้วยน้ำริน อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากหลวงปู่แหวนย้ายมาอยู่ที่วัดอรัญญวิเวก อำเภอแม่แตง ท่านก็ยังคงไปถวายการอุปัฏฐากและกราบเรียนถามข้อธรรมที่ยังติดข้องอยู่เสมอ
ปี ๒๕๐๙ หลวงปู่สังข์กลับจากธุดงค์และมาอยู่กับหลวงปู่ตื้อที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ปี ๒๕๑๐ ได้มีการก่อตั้งสำนักสงฆ์สามัคคีธรรมขึ้น และในปี ๒๕๑๓ ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งเป็นวัดและเปลี่ยนชื่อเป็นวัดป่าอาจารย์ตื้อ หลวงปู่สังข์ได้ช่วยหลวงปู่ตื้อสร้างและพัฒนาวัดแห่งนี้ให้เป็นวัดป่ากรรมฐานที่สมบูรณ์ เหมาะแก่พระเณรและสาธุชนผู้แสวงหาสถานที่วิเวกในการบำเพ็ญภาวนา ซึ่งหลังจากหลวงปู่ตื้อเดินทางกลับไปภาคอีสานในช่วงบั้นปลายชีวิต ก็ได้มอบหมายให้หลวงปู่สังข์ปกครองและดูแลอารามแห่งนี้ต่อเป็นเวลากว่า ๔๐ ปี จนกระทั่งท่านละสังขารอย่างสงบด้วยโรคชราในปี ๒๕๖๕
ตลอดระยะเวลาใต้ร่มกาสาวพัสตร์ หลวงปู่สังข์ สงฺกิจฺโจ ได้ดำรงตนเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรสอย่างแท้จริง ท่านสืบทอดปฏิปทาครูบาอาจารย์ฝ่ายพระธุดงคกรรมฐาน โดยออกปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์อย่างเคร่งครัด ได้ฝ่าฟันอุปสรรคนานับประการจนเข้าถึงธรรมขั้นสูงสุด เป็นแบบอย่างให้สาธุชนทั้งหลายได้กราบไหว้และเจริญรอยตาม ในขณะเดียวกันก็ได้อำนวยประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาในทุกๆ ด้าน อาทิ การส่งเสริมการศึกษาภาคปริยัติและอบรมธรรมภาคปฏิบัติแก่พระภิกษุสามเณร การเป็นผู้นำคณะศรัทธาสร้างและบูรณะศาสนสถานและศาสนวัตถุต่างๆ และการสงเคราะห์ญาติโยมในหลายเรื่องๆ ด้วยเมตตาธรรมอันบริสุทธิ์