นี่เรามีอารมณ์อันใดเป็นที่อยู่ของจิตของเรา เราก็เพ่งดู มันหลงอะไรเล่า หรือไม่หลงก็ให้รู้จัก
ถ้าเราเห็นพิจารณาอยู่แล้ว โลกอันนี้ไม่เป็นสาระอะไรสักอย่าง จิตมันก็ไม่หลง ความทะเยอทะยานดิ้นรน ความกระวนกระวายแล้วความเดือดร้อน มันก็สงบเป็นศีล สงบเป็นสมาธิ เมื่อสมาธิสงบแล้ว มันก็ใส มันก็เลยรู้เท่าสังขาร รู้เท่าวิญญาณของเรา เป็นอย่างนั้น สังขารความปรุงแต่งดีชั่ว เราปรุงเอาเอง เราแต่งเอาเอง ปฏิสนธิวิญญาณมันไปก่อภพ ก่อชาติ ก่อกรรม ก่อเวร มันไปก่อที่ไหน เพ่งดูให้มันรู้มันเห็น
ดวงใจของเราอยู่นิ่งภายใน มันไม่ส่งไปข้างหน้า มาข้างหลัง ข้างซ้าย ข้างขวา ข้างบน ข้างล่าง ตั้งจำเพาะตรงกลาง ผู้รู้ นิ่งอยู่นั่นแหละ มันก็ไม่ตายแล้ว
นามธรรมคือผู้รู้นี้ เป็นของไม่แตกไม่ทำลาย และไม่เป็นของสูญหาย เป็นแต่รู้เท่านั้น เราก็เพ่งถึงความรู้นี้อยู่ ความรู้นี้ไม่ใช่สุข ไม่ใช่ทุกข์ ไม่ใช่ดี ไม่ใช่ชั่ว ความพ้นทุกข์มันจะพ้นตรงนี้
ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร (๒๐ สิงหาคม ๒๔๔๒ - ๔ มกราคม ๒๕๒๐) วัดป่าอุดมสมพร อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร นามเดิม ฝั้น สุวรรณรงค์ ชาวจังหวัดสกลนคร เป็นพระมหาเถระฝ่ายอรัญวาสี ผู้มีอุปนิสัยสุขุมลุ่มลึก มักน้อยสันโดษ มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว และสมบูรณ์แล้วด้วยบารมีธรรม ท่านเป็นลูกศิษย์อาวุโสของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต พระอาจารย์ใหญ่แห่งวงศ์พระธุดงคกรรมฐาน ท่านมีลูกศิษย์ที่เป็นพระสุปฏิปันโนและมีชื่อเสียงหลายรูป อาทิ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อัมพร อมฺพโร) หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ และหลวงปู่พุธ ฐานิโย
เนื่องจากหลวงปู่ฝั้นเกิดในตระกูลเชื้อสายขุนนางเก่าแก่ ท่านจึงมีความประพฤติเรียบร้อย ใคร่ในการศึกษา และใฝ่ฝันที่จะเข้ารับราชการ แต่แล้วก็มีเหตุที่ทำให้ท่านต้องละความตั้งใจนี้ไป คือได้เห็นข้าราชการผู้ใหญ่หลายคน รวมถึงญาติสนิทของท่าน ต้องรับโทษถึงกับถูกประหารชีวิต ท่านจึงเกิดความสลดสังเวช เห็นความไม่แน่นอนของยศถาบรรดาศักดิ์ และตัดสินใจออกบวชเพื่อหาทางออกของชีวิต เมื่อท่านอายุได้ ๑๙ จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดโพนทอง อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร และในปีถัดมาได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุฝ่ายมหานิกาย ที่วัดสิทธิบังคม ในอำเภอเดียวกัน โดยมีพระครูป้อง เป็นพระอุปัชฌาย์และผู้สอนกรรมฐาน
หลังจากนั้นไม่นาน หลวงปู่ฝั้นได้พบกับหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต จึงขอมอบตัวเป็นศิษย์และออกธุดงค์ติดตาม เมื่อท่านได้ฝึกปฏิบัติกรรมฐานกับหลวงปู่มั่นจนจิตใจมีความมั่นคงในระดับหนึ่งแล้ว จึงได้ญัตติเป็นพระภิกษุฝ่ายธรรมยุต ณ พัทธสีมาวัดโพธิสมภรณ์ จังหวัดอุดรธานี โดยมีท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากญัตติแล้วก็ได้ไปจำพรรษาแรกอยู่กับหลวงมั่น ที่วัดอรัญวาสี จังหวัดหนองคาย
หลวงปู่ฝั้นเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ตั้งอยู่ในโอวาทของหลวงปู่มั่นอย่างเคร่งครัด และเร่งทำความเพียรในการปฏิบัติไม่เห็นแก่ชีวิต ทำความเพียรจนตลอดรุ่ง หลายครั้งท่านธุดงค์ไปตามป่าเขาเพียงลำพังเพื่อแสวงหาที่วิเวกและเป็นอุบายในการเอาชนะกิเลส จนจิตใจท่านมีความเจริญขึ้นเป็นลำดับและเข้าถึงคุณธรรมขั้นสูงในเวลาต่อมา
ในขณะเดียวกัน หลวงปู่ฝั้นเป็นผู้ขับเคลื่อนกงล้อธรรมอย่างแท้จริง ท่านเป็นหนึ่งในกองทัพธรรมเพื่อเผยแผ่ธรรมภาคปฏิบัติของหลวงปู่มั่น ท่านเดินธุดงค์ไปทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อสอนธรรมะแก่ชาวบ้าน และช่วยพัฒนาชุมชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ท่านเป็นนักสร้างคน สอนสิ่งที่ผิดแก้ให้เป็นถูก สอนในสิ่งที่หลงให้รอบรู้ตามความเป็นจริง เวลาท่านสอนลูกศิษย์ท่านจะอบรมอย่างเข้มข้น พานำนั่งสมาธิและเดินจงกรมตลอดคืน แนะนำการแก้ไขปัญหาธรรมะภาคปฏิบัติในด้านต่างๆ จากประสบการณ์จริงของท่าน ความเมตตาของหลวงปู่นั้นเหลือล้นไม่มีประมาณ ท่านสงเคราะห์ทุกคนโดยไม่แบ่งชนชั้นและไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก จนท่านเป็นที่เคารพศรัทธาของสาธุชนจำนวนมาก
จึงนับได้ว่าตลอดเวลาในการครองเพศบรรพชิตกว่า ๕๘ ปี หลวงปู่ฝั้น อาจาโร เป็นผู้เจริญในสมณธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คุณธรรมของท่านเป็นที่ประจักษ์แก่บุคคลทั่วไป ท่านได้บําเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่นอย่างสมบูรณ์บริบูรณ์ ควรแก่การจดจำเป็นแบบอย่างสืบไป