อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เขามีอยู่แล้วทั้งรูปธรรมและนามธรรม เมื่อใจมีปัญญาเกิดขึ้น ก็เห็นได้เองเลยว่าสังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นธาตุ เป็นอนัตตา
เมื่อใจเห็นใจรู้จะไปอยู่ทำอะไรหน๋อ เมื่อใจรู้ว่าสังขารทั้งปวงไม่เที่ยง ก็ละหลงว่าเที่ยงออกจากใจ ใจก็หลุดพ้น เมื่อใจรู้ว่าสังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ก็ละหลงว่าเป็นสุขออกจากใจ ใจก็หลุดพ้น เมื่อใจรู้ว่าธรรมทั้งปวงเป็นธาตุ เป็นอนัตตา ก็ละหลงว่าเป็นอัตตาออกจากใจ ใจก็หลุดพ้น
ใจหลุดพ้นจากความหลง ไม่หลงว่ามีตัวตนเราเขาในธาตุทั้งหลาย สังขตธาตุก็รู้ อสังขตธาตุก็รู้ รู้ว่าเป็นธาตุสูญเปล่าจากตัวตนเราเขา
ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่บุญจันทร์ จนฺทวโร (๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๙ - ๓๑ มกราคม ๒๕๔๓) วัดถ้ำผาผึ้ง อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ นามเดิม บุญจันทร์ พงศ์สวัสดิ์ ชาวจังหวัดขอนแก่น เป็นพระปฏิบัติธุดงคกรรมฐาน ผู้มีจิตใจเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ มีปัญญาเป็นเลิศ และอุทิศชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง คุณธรรมของท่านเป็นที่ประจักษ์ดีแก่บรรดาสานุศิษย์
ท่านเกิดมาในตระกูลชาวนา พบเรียนจบ ป.๔ ก็ออกจากการเรียนมาช่วยครอบครัวทำงาน เมื่ออายุย่างเข้า ๒๑ ปี ก็ตั้งใจบวชเพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่ ณ พัทธสีมาวัดสระจันทร์ อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น โดยมีพระครูอนุโยคธรรมฌาน เป็นพระอุปัชฌาย์ ในพรรษาแรกท่านไปพำนักอยู่ที่วัดป่ามัชฌิมวาส บ้านคึมชาติ อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น และมีพระอาจารย์ทองสุขเป็นผู้อบรมสั่งสอน ท่านมีข้อวัตรปฏิบัติเรียบร้อย มีกิจในการศึกษามาก พอมีเวลาว่างก็จะภาวนาคำบริกรรมพุทโธ หรือพิจารณากายในอาการ ๓๒ อยู่เสมอ วันหนึ่งท่านได้ไปสวดมนต์อุทิศให้คนตาย เห็นเขาตายแล้วก็เอาอะไรไปไม่ได้ เกิดความสังเวชใจ จึงน้อมมรณานุสติเข้ามาหากายตัวเอง ครั้นเมื่อออกพรรษาแล้ว ท่านได้กลับไปเยี่ยมบ้านและพักอยู่ที่วัดป่าในบริเวณนั้น ได้ฟังธรรมจากพระองค์หนึ่งชื่อหลวงพ่ออิสฺสโร แต่ต่อมาไม่นานหลวงพ่อท่านก็เป็นโรคเท้าบวม มีอาการกำเริบรุนแรง และมรณภาพลงในที่สุด ขณะที่เผาศพท่าน หลวงปู่บุญจันทร์ก็ได้ไปพิจารณาความตายด้วย
ในพรรษาที่ ๒ ท่านจำพรรษาที่วัดทิพย์รัตน์ จังหวัดอุดรธานี โดยมีพระอาจารย์ฐินเป็นเจ้าอาวาส ที่นี่ท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรมและท่องจำพระปาฏิโมกข์ หลังจากออกพรรษา ท่านออกเดินธุดงค์ไปจังหวัดเชียงใหม่เพื่อไปขอฟังธรรมจากหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ในระหว่างทางต้องผ่านป่าดงทึบและมีอุปสรรคมากมาย ท่านก็อาศัยภาวนาพุทโธเป็นเครื่องป้องกันภัยอันตรายต่างๆ เมื่อไปถึงจังหวัดเชียงใหม่ช่วงแรกก็ไปอยู่ที่วัดสันติธรรม จากนั้นก็ไปจำพรรษากับหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ที่วัดป่าแม่ริม และได้รับคติธรรมจากท่านมากมาย ในพรรษาที่ ๖ ไปพำนักอยู่ที่วัดป่ายางหนาด อำเภอแม่แตง ระหว่างกลางพรรษาได้ไปกราบท่านพ่อลี ธมฺมธโร ที่บ้านยางผาแด่น ท่านพ่อก็แนะนำอุบายเจริญอานาปานสติ ต่อมาเมื่อจิตท่านตั้งมั่นในลมดีแล้ว หลวงปู่บุญจันทร์ก็ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นกายเป็นธาตุ เป็นอนัตตา เป็นสมมติต่อไป พรรษาถัดมา ท่านก็ย้ายไปพำนักอยู่ที่วัดป่าบ้านผาเด็ง ครั้นออกพรรษาท่านก็กลับมาเยี่ยมบ้านที่วัดป่าเมืองพล จังหวัดขอนแก่น
ในช่วงหนึ่งท่านพาโยมแม่ที่บวชเป็นแม่ชีแล้ว ไปพักอยู่ที่วัดสำราญนิวาส อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง แต่เกิดเหตุการณ์น่าสะเทือนใจขึ้น มีคนเมาเอามีดมาฟันโยมแม่ของท่านตายถึงในวัด จากนั้นก็เดินเข้ามาหาจะฆ่าท่านอีก ท่านก็อาศัยขันติธรรม ใช้วิธีกลับเข้าไปในกุฏิโดยไม่คิดจะเอาคืนเขา หลังจากฆาตกรถูกจับได้ จึงได้จัดงานศพให้โยมแม่ อีกสามปีต่อมาท่านก็กลับไปที่อีสาน ไปปรนนิบัติโยมพ่อที่บวชเป็นพระแล้ว และกำลังอาพาธหนัก หลวงปู่บุญจันทร์ก็สอนให้ท่านละวางไม่ยึดถืออะไร จนเมื่อท่านมรณภาพ ก็ได้จัดงานฌาปนกิจศพและทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้
เมื่อเสร็จงานแล้วท่านไปจำพรรษาที่วัดเขาตานก จังหวัดจันทบุรี อยู่ถึงห้าปี ในช่วงนี้ท่านได้รับการผ่าตัดกระเพาะในส่วนที่เสียไป เพราะก่อนหน้านั้นอดอาหารอยู่ตลอดไตรมาส กำลังอยู่ในระยะพักฟื้น ท่านจึงหย่อนความเพียรลงบ้าง และใช้โอกาสนี้ศึกษาพระไตรปิฎกเพิ่มเติม และเทศน์สั่งสอนพระเณรกับญาติโยม ต่อมาท่านกลับมาภาวนาทางภาคเหนือ ซึ่งส่วนใหญ่ท่านจะจำพรรษาอยู่ที่วัดถ้ำผาผึ้ง อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ และได้ไปเรียนรู้ธรรมกับหลวงปู่แหวนที่ วัดดอยแม่ปั๋ง อยู่หนึ่งพรรษา
ที่วัดถ้ำผาผึ้งนี้ ท่านได้นำคณะศรัทธาสร้างทางเข้าวัด โบสถ์ กุฏิ และเสนาสนะอื่นๆ ในขณะเดียวกันก็สอนให้ญาติโยมรู้จักพากเพียรทำบุญ รักษาศีล และภาวนาอย่างต่อเนื่อง มีครั้งหนึ่งท่านคิดจะระเบิดหินในถ้ำเพื่อป้องกันไม่ให้ใครเข้าไปมีอันตราย พอจุดชนวนเสร็จปรากฏว่ามีระเบิดส่วนหนึ่งไม่ทำงาน แต่พอท่านเดินเข้าไปดู ระเบิดก็ทำงานทันที ทำให้ร่างท่านถูกแรงระเบิดกระเด็นออกมาตกจากผาสูง ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ท่านเป็นอัมพาตจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต แต่แม้ท่านจะได้รับวิบากจากธาตุขันธ์ถึงเพียงนี้ ท่านก็ยังเมตตาถ่ายทอดธรรมให้แก่บรรดาลูกศิษย์และคณะศรัทธาผู้มากราบไหว้อยู่เสมอ โดยท่านจะหันหน้าไปทางซ้ายหรือขวาเป็นการตอบคำถามว่าใช่หรือไม่ใช่ และเขียนธรรมะบนกระดาษแทนการเทศน์ด้วยวาจา ท้ายที่สุดท่านก็ได้มรณภาพลงอย่างสงบในปี ๒๕๔๓ รวมสิริอายุได้ ๗๕ ปี ๕๔ พรรษา