ความสงบเป็นสุขจริงหนอ
ขณะใดที่ตั้งความระลึกรู้อยู่เฉพาะหน้า เพ่งพินิจพิจารณาสังเกตดูอารมณ์ภายในที่ผ่าน “ใจ”
ไม่เห็นมีอะไรเป็นแก่นสารมั่นคง ผ่านมาแล้วก็ล่วงเลยลับดับหายไปทุกๆ ขณะ
ทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายปล่อยวางเป็นกลาง ไม่เข้าไปพัวพัน รักใคร่ ชอบชัง ติดข้องอยู่ในอารมณ์ใดๆ
ขณะนั้น กาย ใจ เบา สบาย ชุ่มชื่น เยือกเย็น สงบสงัดอยู่ภายใน
เป็น “สุขวิหารธรรม” ที่ได้อาศรัยอยู่ทุกวันนี้
ประวัติและปฏิปทนา
ท่านเจ้าคุณนรฯ หรือ พระยานรรัตนราชมานิต (๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๐ - ๘ มกราคม ๒๕๑๔) นามเดิม ตรึก จินตยานนท์ ก่อนอุปสมบทเป็นพระภิกษุ รับราชการหลายตำแหน่ง อาทิ เป็นมหาดเล็กในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ จนเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย และได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นองคมนตรี จนถึงวันเสด็จสวรรคตของรัชกาลที่ ๖
เนื่องในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ด้วยความจงรักภักดีและความกตัญญู จึงได้อุปสมบทถวายเป็นพระราชกุศล ณ วัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๔๖๘ โดยมี สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “ธมฺมวิตกฺโก ภิกขุ” โดยแรกเริ่มนั้นท่านไม่คิดว่าจะบวชตลอดชีวิต แต่เพราะได้พระอุปัชฌาย์ดีคอยแนะนำสั่งสอน ท่านจึงได้ตระหนักเห็นถึงโทษภัยจากการใช้ชีวิตในทางโลก เบื่อหน่ายทุกข์สุขจากการยึดครองในลาภ ยศ สมบัติ ครอบครัว และมุ่งมั่นใฝ่หาทางพ้นทุกข์ในช่วงเวลาชีวิตที่เหลืออยู่เท่านั้น จึงเป็นเหตุให้ท่านครองสมณเพศตลอดจนถึงกาลมรณภาพ นับเป็นเวลา ๔๖ ปีเต็ม
ตลอดระยะเวลาที่เจ้าคุณนรฯ อยู่ในเพศบรรพชิต ท่านมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะศึกษาหลักพระธรรมวินัยให้แตกฉานและปฏิบัติให้เกิดคุณธรรมในใจ ท่านไม่เคยปล่อยเวลาว่างให้เปล่าประโยชน์ ฉันอาหารมังสวิรัติมื้อเดียว ไม่รับถวายปัจจัย ไม่เคยรับกิจนิมนต์ ไม่ออกนอกวัดตลอดชีวิตของท่าน แม้แต่อาพาธเป็นโรคมะเร็ง ท่านก็ไม่เคยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล นอกจากนี้ท่านไม่รับแขกที่กุฏิ ใครจะมีโอกาสสนทนากับท่านก็เฉพาะช่วงที่ท่านออกไปทำวัตรเช้า-เย็นเท่านั้น ซึ่งในกิจการทำวัตรนี้ตลอด ๔๖ พรรษา ท่านก็ขาดเพียง ๒-๓ ครั้งเท่านั้น ก็ด้วยเพราะเหตุสุดวิสัยตามคำสั่งของพระอุปัชฌาย์เท่านั้น
เวลาส่วนใหญ่นั้น เจ้าคุณนรฯ จะอุทิศให้กับการภาวนาปฏิบัติ เจริญสติ สมาธิ ปัญญา อย่างเข้มงวดเป็นปกติวิสัย ในกุฏิของท่านจะมีโลงศพและโครงกระดูกมนุษย์ไว้พิจารณาปลงสังขาร และหากมีเวลาว่าง ท่านจะหาสถานที่สงบวิเวกหรือเข้าไปในป่าช้าโดยลำพัง เพื่อพิจารณาธรรมให้เห็นถึงความเกิด-ดับในสิ่งทั้งปวง และภัยแห่งความยึดมั่นถือมั่นในสังขารขันธ์นั้น ทำให้จิตใจท่านสงบสงัด มั่นคง ไร้ซึ่งความรักอาลัย แม้อาพาธทุกข์และมรณทุกข์ก็ไม่อาจครอบงำใจท่านให้มัวหมองได้
เจ้าคุณนรฯ เป็นพระแท้ที่มักน้อยสันโดษ จิตใจเปี่ยมด้วยสมณธรรม มีศีลาจารวัตรงดงาม และมีความกตัญญูกตเวทีอันมิหาผู้ใดเปรียบได้ แม้ว่าไม่มีผู้รู้จักท่านหรือมีการบันทึกธรรมที่ท่านแสดงไว้มากนัก แต่เรื่องราวคุณงามความดีและความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวของท่าน ก็จะได้สืบทอดไปสู่ชนรุ่นหลังให้ได้กราบไหว้และถือปฏิบัติตามด้วยความสนิทใจ